ภาพแสดง การเปรียบเทียบข้อมูลการเติบโต ที่นักวิจัยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้งานคริปโตมากถึง 1 พันล้านรายภายในปี 2030 (ในกรณีที่ผู้ใช้งานยังคงการใช้งาน) 

จากรายงานยังพบรายละเอียดที่พูดถึงบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดรับการใช้คริปโตอยู่จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Tesla ที่มีการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการลงทุน บริษัท MicroStrategy ที่ซื้อคริปโตเอาไว้เป็นสินทรัพย์ รวมทั้งบริษัทอย่าง PayPal Mastercard หรือ Square ก็เข้ามามีส่วนในคริปโตด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการทำธุรกรรมด้วยคริปโต จะเห็นได้ว่าถ้าหากบริษัทห้างร้านต่างๆ ยังคงมีการใช้งาน มีการลงทุนในแบบต่างๆ เพิ่มขึ้น และเกิดขึ้นไปพร้อมกับการลงทุนในเทคโนโลยี Web3 อื่นๆ จะยิ่งทำให้เกิดการยอมรับการใช้งานคริปโตเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต 

นอกจากนี้ยังพบการสำรวจอื่นๆ จาก Verified Market Research คาดการณ์ไว้ว่าอุตสาหกรรมในกลุ่ม NFT จะเติบโตถึง $231 พันล้านเหรียญในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยอัตราการเติบโตต่อปีจะมีอัตราอยู่ที่ 33.7% โดยมีอุตสาหกรรมเพลงภาพยนตร์และกีฬาเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต 

ทั้งนี้มีงานศึกษาอีกฉบับจาก McKinsey & Company เสนอว่าอุตสาหกรรม Metaverse จะสร้างมูลค่าประมาณ $5 พันล้านเหรียญในปี 2030 มีปัจจัยเติบโตในด้านที่ดีจากพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า โดยเฉพาะ e-commerce ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนระบบการเงินให้เกิดการไหลเวียนใน Metaverse คิดเป็นรายได้มากถึง $2.6 ล้านล้านเหรียญ ภายในปี 2030 

กล่าวโดยสรุปจากเรื่อง คริปโต Adoption curve จากรายงานชิ้นนี้ มีการรายงานว่า ปัจจัยหนึ่งถ้าหากความสนใจในคริปโทเคอร์เรนซีมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบิตคอยน์ จะสามารถเป็นสกุลเงินดิจิทัลหนึ่งที่สามารถสู้กับเงินเฟ้อ และมีอัตรา Correlation ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ  ทั้งนี้ในช่วงไม่กี่ที่ผ่านมาถ้าเปรียบเทียบ บิตคอยน์ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าที่ 62% เมื่อเปรียบเทียบกับ S&P 500 ที่ให้ผลตอบเพียง 29% ในปี 2021 ซึ่งการเกิดขึ้นของเครื่องมือสำหรับการซื้อขายยังเป็นอีกหนึ่งการสนับสนุนให้เกิดการใช้งานคริปโตในสังคมเพิ่มขึ้นยิ่งด้วย